รวมเรื่องแปลกๆ และเกร็ดพงศาวดาร
อันเกี่ยวแก่ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ิ์

  • “ขัดข้องยิ่งกว่าการต่อรองของอบู กาซัน” กุญแจของ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ เคยอยู่ในความครอบครองของ อบู กาซัน อัล-กาไซ เขาขายมันให้แก่ ควาไซ บิน กิลา โดยแลกกับเหล้าเพียงหนึ่งขวด
  • เหตุการนี้เกิดขึ้นขณะที่ขากำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจความเมาไวน์
  • คำกล่าวอันเป็นที่รู้จักข้างต้นที่ว่า “ขัดข้องยิ่งกว่าการต่อรองของอบู กาซัน” อ้างถึงเหตุการนี้
  • มูยาฮิด บิน จาบ อบู อัล-มักกิ หัวหน้านักท่องจำ และนักแปล กุรอาน ตาย ฮ.ศ. 104 กล่าวว่า ถ้ามีสิ่งใดที่ผู้คนไม่สามารถทำได้ในการนมัสการ บิน ซูบรี สามารถทำได้ กล่าวคือครั้งหนึ่งน้ำได้ท่วม ปูชนียาคารจนมิด ทำให้ผู้คนไม่สามารถทำตอวาฟได้ บิน ซูบรี ตัดสินใจเวียนบูชารอบ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ โดยการว่ายน้ำ
  • อัล-ยาลาล อัล-ไซยูติ กล่าวว่า เมื่อ อัล-มูไต ลิ้ลลาฮ์ ผู้ปกครองขณะนั้น นำหินดำมาจาก อบู ตาฮิร อัล-กวามาติ อับดุลลา บิน โอคายัม นักบรรยายโวหาร กล่าวว่า “ศิลาหนึ่งก้อนถูกนำมา มันถูกพรมน้ำหอม ห่อด้วยไหมยกดอกเงินหรือทอง เพื่อที่จะลวงเขา”
  • ถ้าใส่น้ำก็จม ถ้าใส่ไฟก็แตก เอาหินก้อนอื่นมาลอง ก็ได้ผลเหมือนเดิม ครั้นนำกาฬศิลามาใส่น้ำ มันกลับลอย เมื่อใส่ในไฟ ก็หาร้อนไม่ อับดุลลาจึงกล่าวว่า “ศิลานี้เป็นของเรา” พอถึงตอนนี้ นำหินดำมาจาก อบู ตาฮิร อัล-กวามาติ อับดุลลา บิน โอคายัม ถามถึงที่มาของข้อมูลที่พวกเขารู้ อับดุลลา ตอบว่า ผู้นำสารของอัลลอฮ์ ได้ถูกรายงานว่าเคยพูดดว่า “อันกาฬศิลานั้นคือพระหัตขวาแห่งอัลลอฮ์บนหน้าแผ่นดิน มันจักมาในวันตัดสินพร้อมด้วยลิ้น ที่จะเป็นพยานให้แก่ผู้ที่จุมพิตมันด้วยความเคารพ มันไม่จมน้ำ มันไม่ร้อนด้วยไฟ” อ้นที่จริงแล้วสิ่งนี้หมายถึงว่าหินดำถูกโจรกรรมไป และโจรมิอาจทำปลอมขึ้นมาได้
  • สมบัติแห่ง วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า อัล-อับรับ (สายฟ้า) ซึ่งน่าจะหมาย ถึงถ้าใครบังอาจหยิบฉวยมันไป ย่อมจะถูกลงทัณฑ์อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
  • เมื่อคนงานของ บิน อัล-ซูบรี ใช้ชะแลงงัดรากฐานของ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออาคารขยับ เมืองมักกะฮ์ก็สะเทือน พวกเขาพบศิลาหลายก้อนที่ร้อยเรียงกันอยู่ พวกเขาจึงปล่อยให้ส่วนฐานรากไว้อย่างนั้น
  • เมื่ออับดุลลา บิน อัล-ซูบรี สร้าง วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เสร็จเรียบร้อยในปีที่ 17 ฮ.ศ. 64 หรือ 65 เขาทาภายนอกและภายในวิหาร ด้วยชะมดเชียงและมดยอบ เขานำไหมดิบมาดาดไว้ที่กำแพงด้านในและนอก และถมหินที่เหลือไว้โดยรอบ เขาทำอุมเราะฮ์ จาก อัล-ตาเนียม และขอให้ผู้ประชาชนทำอย่างเดียวกัน เขาขอให้ผู้คนเชือดอูฐ ถ้าอยู่ในฐานะที่พอจะทำได้ และบริจากทานเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ สิ่งนี้กลายเป็นประเพณีที่ทำในเดือนราจาบของทุกปีมาถึงปัจจุบัน
  • สตรีคนแรกที่คลุม วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยผ้ากิสวะ คือนาง อุม อัล-อับบาส บิน อับดุลมุตอลิบ หล่อนบนบานว่าจะทำหากพบบุตรที่สาบสูญ และเมื่อได้พบบุตรจริงในที่สุด นางก็ได้แก้บนตามที่ตั้งใจไว้
  • เมื่อชาวกุเรชต้องการรื้อ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ ลงเพื่อสร้างใหม่ พวกเขาต้องผจญกับงูยักษ์เขี้ยวใหญ่ อัลลอฮ์ทรงส่งนกยักษ์มาเล่นงานงู โดยจับมันฟาดกับ Ajyad ชาวกุเรชจึงสามารถรื้อ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
  • ช่วงห่างของเวลาตอนที่ท่านฮับราฮามสร้าง วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ กับตอนที่ชาวกุเรชบูรณะ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ มีระยะเวลา 2,545 ปี ระหว่างชาวกุเรชบูรณะกับท่าน อับดุลลา บิน อัล-ซูบรี เป็นเวลา 82 ปี ระหว่างท่าน อับดุลลา บิน อัล-ซูบรี กับท่าน อัล-ฮัจใจ บิน ยูซุฟ เป็นเวลา 10 ปี ระหว่างซุลตาน มูรัด และ กษัตริย์ ฟาฮัด กินเวลา 377 ปี
  • เมื่อชาวกุเรชตัดสินใจจะรื้อ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ ลงเพื่อสร้างใหม่ อบู วาฮับ บิน โอมา บิน อาซ อัล-มักซิม ทวดฝ่ายบิดาของท่านศาสดา ได้หยิบศิลาขึ้นมาก้อนหนึ่ง แต่ศิลานั้นกระโดดออกจากมือของเขากลับไปยังที่เดิม พอถึงตรงนี้ ท่านขอให้ชาวกุเรชใช้เฉพาะเงินที่ดี ที่ถูกกฎหมาย ในการนำมาสร้าง วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงตกลงจะไม่ใช้เงินรายได้จากกิจการโสเภณี และเงินดอกเบี้ย เมื่อตกลงกันได้ดังนี้ จึงทำการรื้อถอน วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ ต่อไปได้
  • มีบันทึกทางประวัติศาสตร์หลายอันบ่งชี้ว่า เมื่อชาวกุเรชรื้อถอน วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพบศิลาจารึกภาษาซีเรียโบราณ ชาวยิวจึงอ่านและแปลให้พวกเขาฟัง หินก้อนหนึ่งมีจารึกใจความว่า “ข้าคืออัลลอฮ์ ผู้เป็นเจ้าของกะบะฮ์ ข้าสร้างมันพร้อมกับสวรรค์และพิภพ อาทิตย์และจันทรา ข้ารายล้อมมันด้วยเทพที่ศรัทธาอย่างแท้จริงเจ็ดรูป มันจะไม่หายไปจนกว่าภูเขาทั้งสองของมันจะหายไป น้ำและนมของมันจะเป็นที่จำเริญแก่ผู้ที่อาศัย ณ ที่นั่น”
  • มีเขาแกะสองเขาที่ท่านอิบรอฮีมเชือด แขวนอยู่ภายใน วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ อับดุลลา บิน อัล-ซูบรี รื้อ วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสร้างใหม่ เขาได้แตกกระจายเพราะความเก่าแก่และความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีต
  • ฮิจริถูกเรียว่า อัล-ฮาตีม ด้วยเหตุผลหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ชาวอาหรับ มันโยนเสื้อผ้าที่ตนสรวมใส่เข้าไป ระหว่างการเดินเวียนบูชา และมันก็คงอยู่ตรงนั้นจนเปื่อยและหลุดเป็นชิ้นๆ
  • เมื่อท่านอับราฮามสร้าง วิหารกะบะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ เสร็จ ทูตสวรรค์กาเบรียล ได้มาสอนพิธีกรรมต่างๆ ให้ท่าน จากนั้นท่านอับราฮามก็ได้ขอให้ประชาชนบำเพ็ญการแสวงบุญ เพราะมันเป็นหน้าที่ๆ ถูกกำหนดแก่มนุษย์จากอัลลอฮ์ พระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อยู่ในปุงลึงค์และครรภ์ได้ยินการเรียกของพระองค์ และผู้ยังไม่ปฏิสนธิตอบสนองแก่พระองค์ได้ บรรดาผู้ศรัทธา และผู้ที่ถูกลิขิตชะตากรรมให้มีความรู้ในอัลลอฮ์ จะบำเพ็ญฮัจย์จนถึงวันแห่งการพื้นคืนชีพ
  • ชาวกุเรชรู้ว่าการกินดอกเบี้ยเป็นสิ่งผิด นานก่อนการออกกฎหมายห้ามในยุคอิสลาม ดังนั้นเมื่อบูรณะวิหารกะบะฮ์ พวกเขาจึงตัดสินใจจะไม่ใช้เงินที่ได้มาจากสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่สามารถหาเงินที่สะอาดมาได้มากพอ พวกเขาจึงตัดสินใจลดขนาดของการก่อสร้างลง
  • ชาวกุเรชเจตนาสร้างประตูกะบะฮ์ให้สูงกว่าพื้นดินจนต้องมีบันได เพื่อจำกัดการเข้าไปภายใน
  • ท่านอับราฮามพบที่ตั้งของกะบะฮ์ได้โดยอาศัยลมที่เรียกว่า อัลซากีนา ซึ่งมีรูปร่างดังงูติดปีก ลมนี้เผยให้เห็นกองรากหินอันเป็นรากฐานดั้งเดิมของปูชณียาคาร อับราฮามและบุตร ขุดลึกลงไปจนถึงชั้นรากฐานแล้วจึงก่อสร้างวิหาร ท่านอับราฮามมิได้ติดตั้งประตูไว้กึ่งกลางด้านทิศตะวันออก แต่ได้ใส่ประตูไว้ใกล้มุม ดังนั้นตำแหน่งสำหรับการวิงวอนน่าจะอยู่ระหว่างนั้น
  • เมื่อ ท่าน อัล ฮาจจัย ยิงกะบะฮ์ด้วยเครื่องยิงหินไฟ มีเสียงคร่ำครวญดังราวเสียงคนปวดป่วยดังออกมาจากหินก้อนแรกที่มากระทบมัน
   
The Holy Ka'bah information center | www.kabahinfo.net | Contact web master here